วันอังคารที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

10 อันดับ โดเมนเนม ทำไมถึงแพงช็อคโลกแบบนี้ มีใครสนไหมครับ

ข้อมูลสรุปนี้ไม่พร้อมใช้งาน โปรด คลิกที่นี่เพื่อดูโพสต์

ซื้อ Samsung Galaxy NotePro หรือเก็บตังค์รอ Apple iPad Pro ดีกว่ากัน

ล่าสุดก็ได้มีการเปิดสเปคจริงๆและราคาจริงๆของ Galaxy NotePro จาก Samsung กันมาแล้ว ซึ่งแน่นอนว่ามีราคาค่อนข้างสูงทีเดียว ถึง 29,900 บาทจากศูนย์ไทย แต่ Galaxy NotePro ในต่างประเทศนั้นไปตกอยู่ที่ราง 749 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราวๆ 24,500 บาท ที่มีราคาต่างกันถึง 5,000 บาทกันเลยทีเดียว แน่นอนนอนเมื่อเทียบกับสเปคของ Galaxy Note Pro ที่จะได้รับกลับมาก็”อาจจะ”สมกับราคา



 แต่คำถามคือคุ้มไหมที่จะซื้อ Galaxy NotePro ตอนนี้? หรือควรที่จะเก็บตังรอไปก่อน? หรือควรจะรอ iPad Pro จาก Apple ดี? ซึ่งนั่นก็นับเป็นโจทย์ใหญ่โจทย์นึงที่ NBS เชื่อว่าเพื่อนๆสมาชิกและนักอ่านหลายๆท่านคงอยากจะทราบคำตอบกันเป็นแน่ ในวันนี้ NBS จึงถือโอกาศเขียนบทความ [วิเคราะห์] ซื้อ Samsung Galaxy NotePro หรือเก็บตังรอ Apple iPad Pro ดีกว่ากัน!!!! เพื่อเป็นการวิเคราะห์คร่าวๆเพื่อเป็นตัวช่วยประกอบการตัดสิน ใจของทุกท่านครับ



Galaxy NotePro สเปค
ก่อนอื่นมาดูสเปคของทาง Galaxy NotePro จาก Samsung กันก่อน สำหรับ Galaxy NotePro ถูกวางเป็นแท็บเล็ตเรือธงรุ่นสูงสุดในปี 2014 ที่ออกแบบมาสำหรับผู้ใช้งานมืออาชีพโดยเฉพาะ มาพร้อมฟีเจอร์และสเปคที่สุดแสนอลังการงานสร้างมากๆดังนี้

จอ Super clear LCD ขนาด 12.2″ ความละเอียด WQXGA 2,560 x 1,600 พิกเซล (16:10)
แยกรุ่นเป็นรุ่น Wi-Fi/3G ใช้ Exynos 5 Octa Core (1.9GHz+1.3GHz) และรุ่น LTE ใช้ Snapdragon 800 2.3GHz Quad Core
แรม 3GB, ตัวเก็บข้อมูล 32/64GB, สามารถเพิ่มเติม microSD
กล้องหลัก 8MP LED Flash, Zero Shutter Lag, กล้องหน้า 2MP
มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 4.4 KitKat
แบตเตอรี่ 9,500 mAh
น้ำหนัก 750 กรัม (Wifi) / 753 กรัม (3G/LTE)
ปากกา S Pen และแอพฯสำหรับปากกาอย่าง S Note, S Planner, Air Command ครบชุด
ซอฟต์แวร์ชุดมาตรฐาน เช่น TouchWiz, KNOX, ChatON, Group Play
สนนราคา 29,900 บาทในไทย


iPad Pro สเปค
หันมามอง iPad Pro จาก Apple กันบ้าง ที่ ณ ตอนนี้ยังเป็นข่าวลืออยู่ แต่ผู้เขียนคาดว่าน่าจะมาจริงๆอย่างแน่นอน และจากที่รวบรวมข้อมูลจากหลายๆแหล่งข่าวแล้วสรุปได้ว่า เจ้า iPad Pro จาก Apple ก็น่าจะเป็นแท็บเล็ตที่อยู่ในระดับเดียวกันกับ Galaxy Note Pro อย่างแน่นอน และน่าจะวางขายในช่วงครึ่งหลังของปี 2014 หรืออย่างช้าที่สุดก็น่าจะเป็นในช่วงปลายปี 2014 ซึ่งอาจจะมีสเปคดังนี้

หน้าจอ 12.9 นิ้ว ความละเอียด 4K 3840 x 2160 พิกเซล และ 2K 2560 × 1440 พิกเซล
มาพร้อมเทคโนโลยี EYE ID แบบใหม่แทน Touch ID นำเทคโนโลยีการสแกนม่านตาของ iPad Pro ต่อยอดโดยนำมาใช้ตรวจจับความเคลื่อนไหวของนัยน์ตา ใช้เลื่อนหน้าเว็บขึ้นลง หรือหยุดเล่นวิดีโออัตโนมัติเมื่อผู้ใช้ละสายตาจากหน้าจอแทนการใช้งานแบบ สัมผัส
ชิปประมวลผล Apple A8
อาจมาพร้อมแรมขนาด 2GB
มีตัวเก็บข้อมูลให้เลือกที่ 64GB, 128GB และ 256GB
รองรับการเชื่อมต่อไร้สายครบครัน
อแดปเตอร์ชาร์จไฟ 17Watt
น้ำหนักตัว iPad Pro ประมาณ 600 – 800 กรัม
อาจจะมาพร้อมปากกาสไตลัสที่ออกแบบโดย Apple เอง
รองรับการต่อพ่วงกับอุปกรณ์อื่นๆ ได้ดียิ่งขึ้น
อาจะใช้ระบบปฏิบัติการ iOS 8
ราคาเริ่มต้นไม่เกิน 30,000 บาท
ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบจากสเปคแล้วจะเห็นได้ว่าแท็บเล็ตทั้งสองตัวมีความ ใกล้เคียงกันมากทีเดียว ทั้งในเรื่องของสเปคต่างๆ และฟีเจอร์ที่เมื่อมองโดยรวมๆแล้วจะอยู่ในระดับเดียวกัน แต่เมื่อมองให้ลึกลงไปอีกดูเหมือน Apple จะมีภาษีที่ดีกว่า Samsung อยุ่บ้างเล็กน้อย เช่นเทคโนโลยี EYE ID ที่ดูมีอนาคต รวมไปถึงจอแสดงผลที่มีขนาดใหญ่กว่าและความละเอียดสูงกว่ามากถึงระดับ 4K นั่นเอง โดยผมจะเสนอสามแนวทางเพื่อประกอบการตัดสินใจดังนี้


ทางเลือกที่ 1.ซื้อ Samsung Galaxy NotePro ไปเลย
สำหรับทางเลือกแรกขอใช้คำจำกัดความว่า”ซื้อก่อนใช้ก่อนครับ”แน่นอนว่า iPad Pro นั้นกว่ามะมาก็อาจจะเป็นครึ่งหลัง หรือปลายปีนู้น ซึ่งก็กินระยะเวลาค่อนข้างนานมากสำหรับผู้ที่อยากจะซื้อมาใช้ก่อนและเตรียม เงินซื้อเครื่องเอาไว้แล้ว โดย Galaxy NotePro เหมาะสมกับผู้ใช้งานมืออาชีพที่อยากใช้งานแบบด่วนๆและถนัดในการใช้ งาน Android เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

ทางเลือกที่ 2.เก็บตังรอซื้อ iPad Pro
สำหรับท่านที่เป็นสาวก Apple หรือชอบใช้ระบบปฏิบัติการ iOS ผมขอแนะนำให้รอดีกว่าครับ เพราะนอกจากที่จะได้เครื่องที่ถูกใจแล้ว ยังมีเวลาเหลือพอที่จะเก็บเงินได้อีกด้วย ที่สำคัญถ้าฟีเจอร์ที่ข่าวลือว่าไว้ตรงกับความเป็นจริง iPad Pro ก็จะเป็นสุดยอดแท็บเล็ตสำหรับอนาคตเลยละครับ

ทางเลือกที่ 3.ไม่ซื้อ!!!!!!
ถึงแม้ว่า Samsung Galaxy Note Pro และ Apple iPad Pro จะเป็นแท็บเล็ตที่น่าสนใจก็ตามที แต่ด้วยราคาเกือบ 30,000 บาท นั้นเรียกได้ว่าซื้อ Ultrabook , โน้ตบุ๊ค หรือแม้แต่ Apple Mac Air ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าได้ไม่ยากเลย สำหรับท่านที่ต้องการนำมาใช้งานจริงๆ โน้ตบุ๊ค และ Ultrabook ดูจะมีภาษีดีกว่า ยกเว้นแต่ด้านการพกพาที่ Samsung Galaxy Note Pro และ Apple iPad Pro จะสามารถพกพาได้สะดวกกว่า แต่การใช้งานผมยืนยันว่าโน้ตบุ๊ค และ Ultrabook ใช้ได้ดีกว่าแน่นอน

ก็จบลงไปแล้วนะครับกับสามทางเลือกที่เป็นการวิเคราะห์เบื้องต้นคร่าวๆ ที่ก็หวังว่าจะเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจเลือกซื้อ หรือเกร็ดเล็กๆให้ทุกๆท่านได้ลองอ่านกัน ซึ่งอย่างไรก็ดีสุดท้ายขอฝากไว้ว่าสเปคของ iPad Pro ยังเป็นแค่การคาดเดา และยังเป็นข่าวลือที่มีโอกาศขึ้นจริงพอสมควร แต่ทาง Apple ยังไม่ได้ยืนยันถึงการมีตัวตนของ Apple iPad Pro แต่อย่างใด ซึ่งต้องตามดูกันต่อไปและใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจประกอบด้วยครับ

Truemove H จัดโปรลดราคา iPad mini 50% เหลือเพียง 7,200 บาท วันนี้ถึง 28 ก.พ.นี้เท่านั้น

Truemove H จัดโปร Festive Sale ลดราคาค่าเครื่อง 50% สำหรับ iPad mini จากราคาปกติ 14,400 บาท เหลือเพียง 7,200 บาท เมื่อสมัครพร้อมแพ็กเกจรายเดือนเริ่มต้นที่ 899 บาทต่อเดือนเป็นระยะเวลาสัญญานาน 12 เดือน โดยโปรโมชั่นนี้จะมีไปจนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2557 นี้เท่านั้น ใครที่สนใจสามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่


Smartphone ตัวไหนดี เลือกยังไงก็ไม่ได้สักที?

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังมองหามือถือฉลาดๆไว้ใช้ เชื่อเถอะว่าข้อมูลมันจะหาง่ายซะยิ่งกว่าหาถังขยะเทศบาล แต่ปัญหาต่อมาที่คุณจะพบคือ เฮ้ย!!แล้วรุ่นไหน ยี่ห้อไหนดี? อย่างที่บอกไป Smartphone ที่มีวางจำหน่ายในปัจจุบัน สเปคหรือประสิทธิภาพของเครื่องไม่ได้มีความแตกต่างกันมากนัก โดยเฉพาะรุ่นเรือธง หรือ Flagship ซึ่งถือเป็นรุ่นเด่นที่แต่ละค่ายขยันปล่อยกันออกมาดูดตังค์ผู้บริโภค



ที่มาของภาพประกอบ: www.theverge.com

ดังนั้นตอนแรกของไดอารี่เราจะมาเริ่มกันด้วย วิธีการเลือกมือถือยังไงให้โดนใจ ประหยัดเงิน และที่สำคัญตรงกับความต้องการของเราจริงๆ

ต้องบอกก่อนว่าบทความนี้จะไม่มีการพูดถึงเทคนิคล้ำลึกใดๆทั้งสิ้น เป็นเรื่องจริงจากประสบการณ์การสรรหามือถือของผู้เขียนล้วนๆ

ก่อนอื่นเลยการที่เราจะหามือถือใหม่มาเปลี่ยนนั้น เราควรย้อนกลับไปดูเครื่องเก่าที่ใช้อยู่สักนิด ที่ให้กลับไปดูนั้นไม่ใช้อะไร แต่มือถือที่เราใช้อยู่นั้นแหละจะสามารถนำมาเป็นตัวช่วยให้เราเลือกเครื่อง ใหม่ได้ เพราะอะไร? ก็เพราะว่าเราสามารถทนใช้มันมาได้ตั้งนาน นั้นแสดงว่ามันต้องตอบโจทย์การใช้งานของเราในระดับหนึ่ง และนี่แหละตัวช่วยสำคัญในการเลือกมือถือเครื่องใหม่

สำหรับกรณีศึกษาเพื่อให้เกิดความเข้าใจ จะขอยกตัวอย่างเป็นของตัวผู้เขียนเอง

มือถือตั้งต้น: Galaxy Note 2

เรือธงอันน่าภูมิใจเมื่อสมัยย้อนกลับไปปีกว่าๆ ขั้นแรกเราต้องรู้ก่อนว่าสาเหตุใดที่ทำให้เราอยากเปลี่ยน?

ต้นเหตุ: หน้าจอไม่สามารถแสดงผลในระดับ Full HD ได้ และขนาดที่ใหญ่เกินไป (ใช้มานานเพิ่งมารู้สึก TT)

หลังจากที่เรารู้สาเหตุของการอาการอยากเปลี่ยนแล้ว คราวนี้ก็ต้องถึงเวลาในการหาตัวเลือกที่เข้าตากรรมการมาสัก 2-3 ยี่ห้อ ทั้งนี้เพื่อใช้สำหรับการเปรียบเทียบเรื่องราคา และการทำงาน

ผู้เข้าชิง: LG G2, Nexus 5, HTC One

เมื่อเราได้ผู้ท้าชิงมาแล้วก็มาเริ่มดูกันเลยว่าตัวไหนที่จะตอบโจทย์การใช้งานของเราบ้าง

1. ขนาดที่ต้องพกพาได้ง่ายขึ้น

ข้อนี้ผ่านทั้งสามตัว G2 มากับขนาดจอ 5.2 นิ้ว HTC One 4.7 และ Nexus 5 ที่ 4.95-5 นิ้ว

2. ประสิทธิภาพการทำงานที่ต้องไม่ด้อยลงกว่าเดิม เพราะเกมคือจุดเปลี่ยนของทุกอย่าง ฮูเร่

ส่วนนี้ก็ผ่านทั้งสามตัวเช่นกัน กับ CPU Quad-core Snapdragon ของ Qualcomm

3. หน้าจอล่ะ อันนี้ประเด็นสำคัญเลย

ข้อนี้ก็ผ่านหมดอีกเช่นกัน เพราะหน้าจอมาแบบ Full HD กันทั้งสามตัว

จะเห็นว่ามือถือที่เรามักคัดมาเป็นตัวเลือก ส่วนใหญ่จะมีสเปคที่ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการเลือกคือ อะไรคือสิ่งที่เราต้องการจริงๆและอะไรคือสิ่งที่เราแค่อยากมีเผื่อเอาไว้?

ข้อแรกเลยผู้เขียนเป็นคนชอบดูหนัง การโหลดหนังลงเมมเก็บไว้ดูในโทรศัพท์คือสิ่งจำเป็นในชีวิต และเมมในตัวเครื่องคงไม่มากพอจะอำนวยให้ลงหนังได้มากมายเท่าไหร่ สิ่งต่อมาที่จำเป็นคือ Micro SD จากข้อนี้ผู้ท้าท้าชิงจะถูกตัดออกไปถึงสอง คือ Nexus 5 และ HTC One

แต่แค่ปัจจัยเดียวคงยังไม่สามารถจะบอกได้ว่ามือถือเครื่องที่เหลืออยู่จะ เป็นมือถือสำหรับเราจริงๆ แล้วปัจจัยอะไรล่ะที่จะมาเป็นตัวช่วย?

บริการหลังการขาย คืออีกหนึ่งเรื่องที่เราควรต้องนึกถึง ในทีนี้เราคงไม่ลงรายละเอียดมากนัก แต่บอกได้แค่ว่า แบนรด์ที่มีตัวอักษรสามตัว อาจจะมีสาขาในไทยจริงแต่ศูนย์ที่มีอย่างจำกัด คงพอเดาได้ว่าเราจะได้รับบริการที่ความเร็วระดับใด?

การอัพเดตซอฟท์แวร์ ข้อนี้คำตอบคงไม่ต้องไปหาไกล Nexus 5 มาวินแบบไม่มีใครเบียด แต่กับเรือธงอีกสองตัวก็คงไม่ถูกลอยแพง่ายๆ เหมือนกับ Note 2 ที่ถึงจะยังไม่ได้กิน Kitkat แต่ 4.3 ก็ยังมีมาให้ได้ใช้ หากคุณไม่ใช่คนที่ปรับแต่งนู้นนี่นั้นในโทรศัพท์หรือต้องอัพเดตเพื่อใช้ฟี เจอร์ใหม่ ข้อนี้คงไม่ใช่ประเด็นอะไร

และสุดท้ายที่จะเป็นตัวตัดสินนั้นคือ ราคา ข้อนี้จะตอบได้เลยว่าสิ่งที่คุณได้มากับเงินที่เสียไปมันคุ้มค่าหรือไม่ ซึ่งผู้ท้าชิงสามตัวบนแม้จะมีสเปคไล่เลี่ยกัน แต่ราคาก็ยังมีช่องว่างที่ต่างกันอยู่

เท่านี้การเลือกมือถือที่เหมาะกับตัวเราจริงๆก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากมากมาย อะไร การยอมตัดสเปคบางอย่างที่เรา ‘คิด’ เอาเองว่าต้องมีเผื่อไว้ใช้ แล้วจ่ายเงินน้อยลงเพื่อรุ่นที่ตอบโจทย์เราจริงๆ ก็ดูจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจกว่า

สนับสนุนเนื้อหา: Arip

วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

LINE for iOS อัพเดทใหม่ มีร้านขาย ธีม (Theme) แล้ว

 ล่าสุด LINE for iOS ปล่อยอัพเดทเวอร์ชัน 4.0 เพิ่มร้านขายธีมครับ จากเดิมที่มี ธีม อยู่แค่ 2 แบบ นั่นก็คือ Brown และ Cony ที่สามารถดาวน์โหลดมาใช้ได้ฟรี และได้เพิ่ม 2 ธีมใหม่ ได้แก่ Sally ธีมเป็ดสีเหลือง และ Leonard ธีมกบสีเขียว สามารถซื้อมาใช้กันได้ ในราคา $2.99



นอกจากร้านขายธีมแล้ว LINE for iOS เวอร์ชัน 4.0 ยังมีของเล่นใหม่ ดังนี้ครับ

- ข้อความแชท หรือรูปภาพ สามารถลบ, ส่งต่อ หรือเซฟเก็บไว้ยัง Notes ได้
- สามารถส่งรูปภาพได้สูงสุด 20 รูปในครั้งเดียว
- เพิ่มเสียงแจ้งเตือน 2 เสียงใหม่
- แก้บั๊ก และปรับปรุงระบบเสียงของ voice call

Samsung Galaxy S5 เปิดตัว 24 กุมภาพันธ์นี้ กับสเปคหลุดล่าสุด มาพร้อม Reach ID เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ และปุ่ม Home


ดูเหมือนว่า สมาร์ทโฟนเรือธง ที่ถูกจับตามองมากที่สุดในตอนนี้ คงหนีไม่พ้น Samsung Galaxy S5 (SV) ที่มีข่าวแว่วๆ มาว่า จะเปิดตัวในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2557 นี้ ในงาน Samsung UNPACKED 2014 Episode 1 นั่นเอง แม้ว่าจะยังไม่มีข้อมูลยืนยันว่า Samsung Galaxy S5 จะเปิดตัวในงานนี้หรือไม่ แต่กว่า 90% เชื่อว่า ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์นี้ เราคงได้เห็นตัวเป็นๆ ของ Samsung Galaxy S5 กันแล้ว และสิ่งที่หลายๆ คนให้ความสนใจกันมากที่สุด ก็คือ สเปค Samsung Galaxy S5 ที่คาดกันว่า น่าจะมาพร้อมกับ เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ แบบเดียวกับ iPhone 5S นั่นเอง

สำหรับสเปคอย่างไม่เป็นทางการของ Samsung Galaxy S5 มีดังนี้

- หน้าจอแสดงผลขนาด 5.2 นิ้ว แบบ Ultra Grand AMOLED display ความละเอียด 2560 x 1440 พิกเซล
- ชิปเซ็ต Exynos 5 Octa
- RAM 3 GB
- ชิปประมวลผลเป็นแบบ 64-bit และ 16-cores
- รัน Android 4.4 KitKat
- TouchWiz แบบใหม่
- Reach ID เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนปุ่ม Home และบนหน้าจอ

ไม่เพียงเท่านั้น จากคลิปวิดีโอด้านล่างนี้ ยังเผยให้เห็นการปลดล็อคหน้าจอแบบใหม่ กับการปลดล็อคด้วยเสียง เพียงแค่พูดว่า OK Galaxy, unlock my phone ก็สามารถปลดล็อคหน้าจอได้เช่นกัน ผ่านทาง S Voice ซึ่ง Samsung Galaxy S5 จะเปิดตัวในวันที่ 24 กุมภาพันธ์นี้ ตามข่าวหรือไม่ ติดตามกันได้ในงาน Samsung UNPACKED 2014 Episode 1

Apple ออกอัพเดท iOS 7.1 Beta 5 สำหรับนักพัฒนา ปรับคีย์บอร์ดและเสียง Siri

เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2557 แอปเปิลได้ปล่อยอัพเดท iOS 7.1 Beta 4  ให้กับนักพัฒนาได้ทดสอบก่อนปล่อยเวอร์ชั่นเต็มให้กับผู้ใช้งานทั่วไป โดยในเวอร์ชั่นนี้ปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้ดียิ่งขึ้น ความลื่นไหลในการใช้งานดีกว่ารุ่นก่อน ๆ

ล่าสุด วันนี้ (5 กุมภาพันธ์ 2557) แอปเปิลออกอัพเดท iOS 7.1 Beta 5 ให้กับนักพัฒนาได้อัพเดทและทดสอบอีกกันแล้ว โดย iOS 7.1 Beta 5 ถืออีกครั้งที่เป็นการอัพเดทครั้งสำคัญหลังจากปล่อย iOS 7 ให้ผู้ใช้งานทั่วโลกอัพเดทหลังจากเปิดตัว iPhone 5s และ iPhone 5c ไปแล้ว สำหรับ iOS 7.1 Beta 5 เวอร์ชั่นนี้ปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้ดียิ่งขึ้น ความลื่นไหลในการใช้งานดีกว่าเดิม รวมถึงปรับเปลี่ยนดีไซน์บางส่วนใหม่อีกเล็กน้อย สามารถดูสิ่งที่เปลี่ยนแปลงใหม่ใน iOS 7.1 Beta 5 ได้จากวิดีโอด้านล่างเลยครับ



iOS 7.1 Beta 5 มีอะไรใหม่ ?
ปรับสัญลักษณ์ปุ่ม Shift คีย์บอร์ดภาษาอังกฤษใหม่ เมื่อพิมพ์ตัวพิมพ์ใหญ่
เพิ่มความคมชัดและความเป็นธรรมชาติของเสียง Siri ได้แก่ English (Australia), English (United Kingdom), Japanese และ Chinese (Mandarin – China)

OPPO R1 กับกล้องที่พร้อมถ่ายได้ทุกสภาวะแสง


  ยุคนี้ผู้คนส่วนใหญ่ใช้สมาร์ทโฟนถ่ายภาพเป็นอุปกรณ์หลักในการถ่ายภาพ แต่ด้วยความเป็นสมาร์ทโฟนทำให้มีข้อจำกัดบ้างเวลาจะใช้งานการถ่ายภาพในสภาวะแสงต่าง ๆ หรือหากจะใช้สมาร์ทโฟนที่กล้องยอดเยี่ยมบางครั้งก็มีราคาสูงเกินไป ทางเรา OPPO เล็งเห็นจุดนี้จึงออกตัว R1 สมาร์ทโฟนรูปทรงงดงาม และถ่ายภาพได้ทุกสภาวะแสง

         OPPO R1 มาพร้อมกล้องหลัง 8MP จับความละเอียดภาพด้วยเซนเซอร์ IMX179 ขนาด 1/3.2 นิ้ว 8 ล้านพิกเซล พร้อมชุดเลนส์ 5 ชิ้น และค่ารูรับแสง F2.0 จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรับแสงและให้ภาพที่มีความคมชัดมากเป็นพิเศษเหมาะสำหรับถ่ายภาพเวลากลางคืน มี Blue glass filter ช่วยตัดปริมาณแสงอินฟราเรดได้มากถึง 90% ลดปัญหาภาพถ่ายตาแดง สีเพี้ยน แสงมืด แสงฟุ้งจ้า ภาพเบลอต่าง ๆ ทำให้การถ่ายภาพไม่จำกัดอยู่แค่เวลากลางวัน

         ส่วนกล้องหน้าของ OPPO R1 ก็ทำออกมาได้ยอดเยี่ยมพร้อมกล้องหลัง 5 ล้านพิกเซลพร้อม Beauty Plus ที่ถ่ายภาพหน้าของเราได้สวยงาม ครบชัดมี Wide Angle เก็บภาพมุมกว้างช่วยเวลาที่เราต้องเบียดกับเพื่อนๆ กลายคนแต่ก็ยังเก็บได้หมด มีค่ารับแสง F 2.0 และ Blue Glass Filter ทำให้ถึงเป็นกล้องหน้าก็ถ่ายภาพกลางคืนได้ยอดเยี่ยม

OPPO R1

         นี่คือความสามารถส่วนหนึ่งของการถ่ายภาพด้วย OPPO R1 ที่ถ่ายภาพได้ทุกสภาวะแสงพร้อมด้วยความสามารถมากมายอย่าง หน่วยประมวลผล Quad Core ตัวเครื่องกระจกสุดหรูหรา และอื่น ๆ มากมายทั้งหมดนี้คุณสามารถเป็นเจ้าของได้ในราคา 12,990 บาท ได้ตามร้านค้าชั้นนำทั่วไป.

วันพฤหัสบดีที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

AIS เปิดขาย iPhone 4S ในราคาสิทธิพิเศษราคาเบากว่าใครเพียง 9,500 บ.


AIS เปิดขาย iPhone 4S ในราคาสิทธิพิเศษเฉพาะลูกค้า AIS 3G 2100 รายเดือน  ราคาเบากว่าใครเพียง 9,500 บ. (จากปกติ 14,900) กติกาเช่นเดิมครับสมัครแพ็ก iPhone XL 670 นาน 12 เดือน
และชำระค่าบริการล่วงหน้า 5 เดือน พร้อม ส่งสินค้าถึงบ้าน ฟรี!

หมายเหตุ:
- ไม่สามารถใช้สิทธิร่วมกับโครงการผ่อน 0% ได้
- สินค้าซื้อแล้ว ไม่สามารถเปลี่ยนหรือคืนได้
(ยกเว้น สินค้าชำรุดระหว่างการจัดส่ง  สามารถเปลี่ยนหรือคืนได้ภายใน 7 วัน นับจากวันที่รับสินค้า)




เงื่อนไขการรับสิทธ์ในโครงการ
1. บริษัทฯ จะสมัครแพ็กเกจที่คุณเลือกให้ภายใน 3 วันทำการ หลังจากการสั่งซื้อสำเร็จ โดยแพ็กเกจจะเริ่มใช้งานได้ในรอบบิลถัดไป นับจากวันที่ทำการสมัครแพ็กเกจ (กรุณารอรับ SMS ยืนยันวันเริ่มใช้งานอีกครั้ง)
2. สิทธิ์การซื้อเครื่อง iPhone 4S พร้อมแพ็กเกจ ผ่านช่องทาง AIS Online Shopping เฉพาะลูกค้าที่ใช้บริการในระบบ AIS 3G รายเดือนมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 วัน
3. สำหรับผู้ใช้บริการ Multi SIM จะต้องสมัครแพ็กเกจ  Multi SIM ตามจำนวนซิมที่ใช้งานเพิ่มเพื่อใช้งานใช้งานคู่กัน และเสียค่าบริการรายเดือน 20 บาท (ไม่รวม VAT) รายละเอียด คลิก
4. สำหรับผู้ที่ใช้บริการ/แพ็กเกจ เช่น แพ็กเกจโทรภายในกลุ่ม หรืออื่น ๆ ที่ไม่สามารถใช้งานร่วมกับ iPhone Package ได้ บริการ/แพ็กเกจนั้น ๆ จะถูกยกเลิกทันทีก่อนทำการสมัคร iPhone Package
5. ลูกค้าจะต้องใช้แพ็กเกจติดต่อกันอย่างน้อย 12 รอบบิล นับตั้งแต่วันที่ตกลงชำระค่าเครื่องและค่าใช้บริการรายเดือนตามเงื่อนไข “ข้อตกลงรับสิทธิสำหรับลูกค้า” โดย
- ไม่สามารถยกเลิกใช้บริการ
- ไม่สามารถโอนย้ายเครือข่าย
- ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแพ็กเกจ iPhone XL 670 เป็นแพ็กเกจอื่นได้
- ไม่สามารถโอนเปลี่ยนเจ้าของ
- ไม่สามารถเปลี่ยนระบบจากจดทะเบียนเป็นระบบเติมเงินได้
6.ความเร็วในการใช้งาน Internet หลังจากใช้งานครบตามปริมาณที่กำหนดแพ็กเกจ XL 670 เล่นเน็ตได้ไม่จำกัดที่ความเร็วสูงสุด 256 kbps
7. อัตราค่าบริการส่วนเกิน ค่าโทร และ VDO call นาทีละ 1.50 บ. ทุกเครือข่ายตลอด 24 ชม. SMS ข้อความละ 2 บ. และ MMS ข้อความละ 4 บ.
8. สิทธิ์ในการใช้งานแพ็กเกจสามารถใช้งานได้ในแต่ละรอบบิลเท่านั้น ไม่สามารถยกยอดไปใช้ในรอบบิลถัดไปได้
9. ค่าบริการรายเดือนที่กำหนดยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม
10. ใช้งานได้เฉพาะภายในประเทศเท่านั้น (ไม่รวามค่าบริการรับ – ส่งข้อมูลขณะอยู่ต่างประเทศ Data Roaming)
11. สามารถใช้ได้ในแต่ละรอบบิลเท่านั้น ไม่สามารถยกยอดคงเหลือสะสมไปยังรอบบิลถัดไป
12. ลูกค้าที่ใช้โปรโมชั่นอื่นๆ อยู่หากเปลี่ยนเข้ามาเป็น Package ดังกล่าวจะไม่เสียค่าเริ่มต้น โปรโมชั่น 30 บาท
13. สิทธิ์ในการซื้อสินค้า 1 หมายเลข / 1 สิทธิ์
14. สงวนสิทธิ์ในการรับประกันสินค้าตามเงื่อนไขการรับประกันของ Apple เท่านั้น ตรวจสอบเงื่อนไขการรับประกันเพิ่มเติมได้ที่ www.apple.com/legal/warranty
15. บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

สุดยอดโปรโมชั่นแห่งปีจากเอไอเอส 3G รายเดือน iPhone 5s ลด 5,050 บาท



เป็นโปรโมชั่นจาก AIS 3G ที่ผมว่าน่าสนใจมากๆสำหรับผู้ที่กำลังคิดจะซื้อ iPhone 5s หรือ iPhone 5c ครับเพราะจากเงื่อนไขนั้นทำได้ไม่ยากเลย และมีส่วนลดสูงมากจริงๆครับอย่างคนที่ชอบโหลดอะไรเยอะแยะ iPhone 5s 64GB เค้าก็ลดจากราคาเครื่องเปล่าตั้ง 5,050 บาทแน่ะ สบายกระเป๋าขึ้นเยอะเลยแถมยังใช้ร่วมกับโปรโมชั่นส่วนลดค่าแพ็กรายเดือน 50%แถมให้ผ่อนสบายๆ 0% นาน 10 เดือนอีกด้วยสมกับเป็นโปรโมชั่นเพื่อเอาใจแฟนๆ iPhoneอย่างแท้จริงเลยละครับ แหม…..กระเป๋าตังค์ในมือแอดมินสั่น อิอิ

สำหรับโปรโมชั่นสุดคุ้มจะมีรายละเอียดดังนี้ครับ โดยเมื่อเพื่อนๆย้ายค่ายเบอร์เดิมมาใช้ AIS 3G แบบรายเดือน จะได้รับทันทีดังต่อไปนี้

1. ส่วนลดค่าเครื่องสูงสุด 5,050 บาท

2. ส่วนลดค่าแพ็กรายเดือน 50%

3. ผ่อนสบาย 0% นาน 10 เดือน

สามารถเข้าไปเช็คความพร้อมก่อนย้ายค่ายได้ที่  http://www.ais.co.th/mnp/index.html

ขอย้ายค่ายได้แล้ว ภายใน 13 – 23 ก.พ. 57 ที่ เอไอเอส ช็อป และ เทเลวิซ ทั่วประเทศ

ตารางราคาอย่างละเอียดของส่วนลดค่าเครื่องสูงสุด 5,050 บาทของ iPhone 5s และ 5cแต่ละรุ่น





เงื่อนไขการได้รับสิทธิ์ส่วนลด (อย่าลืมอ่านกันนะครับ)

1. สำหรับลูกค้าที่มาทำการขอย้ายค่ายเบอร์เดิมมายัง AIS 3G รายเดือน ในนามบุคคลธรรมดา ระหว่างวันที่ 13 – 23 กุมภาพันธ์ 2557 พร้อมสมัครและใช้แพ็กเกจรายเดือน 3G iSmart 999 บาท (พร้อมส่วนลด 50% นาน 6 รอบบิล) เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 12 รอบบิล และไม่สามารถเปลี่ยนรายการส่งเสริมการขายได้

2. ผู้ใช้บริการสามารถซื้อโทรศัพท์เคลื่อนที่รุ่นที่ร่วมรายการที่ เอไอเอส ช้อป และ ร้านเทเลวิซ ทุกสาขา เพื่อรับส่วนลดค่าเครื่องพร้อมสมัครใช้แพ็กเกจ สำหรับ iPhone 5S และ iPhone 5C เท่านั้น

3. ลูกค้าสามารถขอรับสิทธิ์หลังจากย้ายค่ายสำเร็จแล้ว เป็นระยะเวลา 2 วัน

4. ผู้ใช้บริการสามารถขอรับสิทธิ์ได้ที่เอไอเอส ช้อป หรือ ร้านเทเลวิซ  ภายใน30 วันหลังจากที่ระบบยืนยันการย้ายค่ายสำเร็จ โดยสามารถรับได้ 1 สิทธิ์ ต่อ 1 เลขหมายเท่านั้น

5. สิทธิ์ส่วนลดนี้จะใช้ได้ขึ้นอยู่กับรุ่นที่ร่วมรายการและมีจำนวนจำกัด และไม่สามารถใช้ร่วมกับรายการส่งเสริมการขายอื่นๆได้

6. สิทธิ์ส่วนลดที่กำหนดเป็นส่วนลดค่าเครื่องจากราคาที่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว และไม่สามารถโอนสิทธิ์ เปลี่ยนเป็นเงินสด หรืออื่นๆได้

7. บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดและเงื่อนไขโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า รวมถึงการเรียกคืนส่วนลด เมื่อมีการยกเลิก หรือเปลี่ยนแปลงรายการส่งเสริมการขาย




สำหรับโปรโมชั่นส่วนลดค่าแพ็กเกจรายเดือน 50% นาน 6 เดือนจะมีเงื่อนไขดังนี้ครับ

เงื่อนไขรายการส่งเสริมการขาย 3G iSmart

1. ส่วนลดค่าบริการรายเดือน 50% เป็นระยะเวลา 6 รอบบิลสำหรับลูกค้าที่ซื้อเครื่อง iPhone 5s และ iPhone 5c ทุกรุ่นและสมัครใช้บิรการแพ็กเกจนี้ครั้งแรกเท่านั้น

2. ค่าบริการส่วนเกิน

     •โทรทุกเครือข่ายและ VDO Call นาทีละ 1.50 บ.

     •SMS ข้อความละ 3 บ.

     •MMS ข้อความละ 4 บ.

3. สำหรับแพ็กฟรี AIS WIFI ระบบจะส่ง user name และ password ผ่านทาง SMS ให้ลูกค้าโดยอัตโนมัติ ส่วนแพ็กฟรี AIS & 3BB Wifiลูกค้าสามารถรับ Username และ Password ได้โดยกด *388*88#โทรออก ตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.ais.co.th/Wifi

4. รับสิทธิ์นาน 12 รอบบิล

5. สิทธิ์การใช้งานฟรีและอัตราค่าบริการที่กำหนดสำหรับการใช้งานภายในประเทศเท่านั้น

6. สิทธิ์การใช้งานฟรีสามารถใช้ได้ในแต่ละรอบบิลเท่านั้น

7. อัตราค่าบริการที่กำหนดเป็นอัตราที่ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม

8. บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

รายละเอียดในส่วนผ่อนสบาย 0% นาน 10 เดือน กับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ


วันอาทิตย์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2557

Samsung Galaxy Camera 2 เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว


Samsung ส่ง Galaxy Camera 2 ออกมาต่อยอดรุ่นแรกอย่างเป็นทางการแล้วเมือคืนที่ผ่านมา โดย Galaxy Camera 2 กล้องถ่ายรูปบนระบบปฏิบัติการ Android จากภาพที่เห็นนั้น Galaxy Camera 2 เปลี่ยนหน้าตาไปจากร Samsung Galaxy Camera รุ่นแรกพอสมควร


นั้นหมายความว่า Galaxy Camera 2 ยังไม่มีช่องใส่ซิมการ์ด และยังไม่รองรับเครือข่าย 3G/LTE เช่นรุ่นแรก ความละเอียดของกล้องก็ยังเท่าเดิมนั้นเพิ่มเป็น 16.3 นั้นถือว่าไม่ได้ต่างจากรุ่นแรกคือ กล้องดิจิตอลในตัว ความละเอียดระดับ 16 ล้าน Pixels แต่โชว์จุดเด่นตรงสามารถซูมได้สูงสุด 21 เท่า

ชมเป็นน้ำจิ้ม กับภาพคอนเซปท์ iPhone 6 และ iPhone 6C พร้อม iOS 8


ชมเป็นน้ำจิ้ม กับภาพคอนเซปท์ iPhone 6 และ iPhone 6C พร้อม iOS 8

ถึงแม้ในตอนนี้ จะยังไม่มี ข่าวลือ เกี่ยวกับ iPhone 6 และ iPhone 6C มากนัก แต่ล่าสุด Eric Vasille จาก iPhonesoft ได้เผย ภาพคอนเซปท์ iPhone 6 และ iPhone 6C เวอร์ชันรัน iOS 8 ออกมาให้ชมกันครับ



โดยไอเดียของ Eric Vasille นี้ เน้นให้ iPhone 6 และ iPhone 6C มีดีไซน์ที่บางเฉียบ ซึ่งได้ iPad Air เป็นแรงบันดาลใจ โดยตัวเครื่องบางเพียง 6 มิลลิเมตร พร้อมกับกล้องด้านหลังที่คมชัด ละเอียดถึง 20 ล้านพิกเซลเลยทีเดียว ส่วน iOS 8 นั้น ได้นำ iOS 7 มาออกแบบใหม่ ให้ดูเรียบขึ้นกว่าเดิม



อย่างไรก็ดี ภาพด้านบนนั้น เป็นแค่คอนเซปท์เท่านั้น ไม่ใช่ตัวเครื่องจริงแต่อย่างใดนะครับ

ที่มา: cultofmac

8 สิ่งใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นจาก Google ปี 2014


ตลอดปี 2013 Google ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งทั้งในแง่ของผลิตภัณฑ์ การให้บริการต่างๆ และที่สำคัญที่สุดคือระบบปฏิบัติการ Android ที่ยอดผู้ใช้ทะลุ 1พันล้านคนไปเรียบร้อย ฉะนั้นในปี 2014 ที่กำลังจะมาถึง เว็บไซต์ Pocket-lint จึงทำนายทายทักถึงสิ่งใหม่ๆ จาก Google ในปี 2014

1. Android TV



จากรายงานของเว็บไซต์ Gigagom เมื่อเดือนตุลาคม เปิดเผยว่า Google อาจยุติการใช้แบรนด์ Google TV และจะรีแบรนด์ไปเป็น Android TV แทน ซึ่งแพลตฟอร์มที่ใช้จะเป็นตัวเดียวกับบนสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต เพื่อดึงดูดให้นักพัฒนาให้สามารถสร้างซอฟต์แวร์ที่ใช้งานได้ในทุกอุปกรณ์ที่ เป็น Android  และในการเปิดตัวอาจเป็นงาน CES 2014 ต้นเดือนมกราคม หรือไม่ก็อาจเป็นงาน Google I/O ในเดือนพฤษภาคม

 2. Chromecast



แก็ดเจ็ตอันดับ 1 ของปี 2013 รูปร่างคล้ายแฟลชไดรฟ์ เพียงเสียบเข้ากับทีวี Chromecast จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางสำหรับดึงคอนเทนต์จาก Youtube และ Google Play ไม่ว่าจะเป็นเพลงหรือภาพยนตร์ มาแสดงบนหน้าจอทีวีของคุณ แถมยังสามารถควบคุมด้วยสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตได้อีกด้วย ซึ่งในปี 2014 เราอาจจะได้เห็น Chromecast ขยายบริการออกไปในหลายๆประเทศนอกเหนือจากในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร รวมไปถึงการพัฒนาต่อยอดในอนาคตของ Chromecast ที่จะสามารถทำงานร่วมกับอุปกรณ์อื่นๆได้เช่นกัน

 3. Nexus TV



อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่คาดว่าจะมีการเปิดตัวในครึ่งปีแรกของปี 2014 มีลักษณะเป็น set top box จะใช้งานได้เมื่อเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตเท่านั้น โดยตัวกล่องจะทำหน้าที่สตรีมคอนเทนต์จาก Netflix, Hulu, YouTube, ฯลฯ รวมถึงวีดีโอเกมต่างๆ ซึ่งสื่อในต่างประเทศมองว่า Nexus TV อาจจะมีราคาแพงอยู่พอสมควร

 4. Google Smartwatch



แม้จะมีการคาดการณ์ว่าปี 2014 จะเป็นอีกปีที่สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตจะมีการแข่งขันกันอย่างเข้มข้น แต่หลายบริษัทไอทีชั้นนำเริ่มกระโดดเข้าหาตลาดใหม่อย่าง Smartwatch บ้างแล้วซึ่ง Google ก็ไม่พลาดที่จะร่วมวงในครั้งนี้ด้วย โดยหลายเดือนที่ผ่านมามีการรายงานว่า Google กำลังอยู่ในระหว่างการผลิต Smartwatch ในชื่อ “Gem” รันระบบปฏิบัติการ Android KitKat เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน Android ได้ด้วย Bluetooth 4.0 พร้อมแบตเตอรี่ที่ดีที่สุด

 5. Chromebook



ในปี 2013 Google เปิดตัว Chromebook Pixel คอมพิวเตอร์โน๊ตบุคหน้าจอสัมผัสความละเอียดสูง รันด้วยระบบปฏิบัติการ Chrome OS สนับสนุนผู้ใช้ที่เน้นการทำงานเป็นหลัก แถมยังได้ผู้ผลิตดัง ๆ หลายเจ้าในตลาดโน๊ตบุคไม่ว่าจะเป็น Samsung, Acer และ HP ต่างพากันกระโดดร่วมวงผลิตโน๊ตบุคพร้อมระบบปฏิบัติการ Chrome OS ออกมาวางจำหน่าย ซึ่งในปี 2014 น่าติดตามว่า Chromebook จะมีทีเด็ดใดออกมาโชว์อีกบ้าง เพื่อเพิ่มยอดส่วนแบ่งทางการตลาดที่มีอยู่เพียง 1%

 6. Google Glass รุ่นที่ 2 สำหรับคนทั่วไป



สำหรับปี 2013 อาจจะไม่มีเรื่องที่น่าตื่นเต้นจาก Google Glass นอกเสียจากการเปิดให้นักพัฒนานำ Google Glass ไปทดสอบด้วยสนนราคา 1,500 เหรียญสหรัฐ ก่อนที่จะเริ่มวางขายจริงให้กับคนทั่วไปในสหรัฐอเมริกาในปี 2014 ด้วยเป้าหมายที่จะวางขายด้วยราคา 200-600 เหรียญสหรัฐ ซึ่งไม่แน่ว่า Google Glass ที่จะวางขายจริงนั้นอาจเป็นรุ่นที่ 2 เลยก็ได้ โดยข่าวก่อนหน้านี้ระบุว่า Google ได้เพิ่มพัฒนาในส่วนของเลนส์และชุดอุปกรณ์หูฟัง รวมถึงซอฟต์แวร์ต่างๆ

 7. Nexus 10 รุ่นที่ 2



แม้จะมีข่าวถึงการเปิดตัวแท็บเล็ต Nexus 10 รุ่นที่ 2 ในปีนี้ แต่สุดท้ายก็คงต้องยกไปเป็นปี 2014 เสียแล้ว โดยผลิตภัณฑ์ที่ Google ร่วมมือกับ ASUS ใช้หน้าจอ 10 นิ้ว ความละเอียด 2560×1600, หน่วยประมวลผล Snapdragon 800, แรม 3GB, กล้อง 8 ล้านพิกเซล, ความจุภายใน 32GB, แบตเตอรี่ 9,500 mAh

 8. ระบบการค้นหาด้วยเสียงหรือ Google Now ที่ก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น



Google เคยกล่าวว่าในปี 2014 จะมุ่งเน้นการค้นหาข้อมูลด้วยเสียงให้ก้าวหน้ามากขึ้น และไม่เพียงแค่ดีขึ้นแต่จะต้องเป็นระบบที่เหนือกว่า Siri จาก iOS ซึ่งการพัฒนาที่สำคัญของ Google Now ที่จะมีความเป็นธรรมชาติมากขึ้น

สนับสนุนเนื้อหา: Arip

10 วิธียืดพลังงานแบตเตอรี่โน๊ตบุ๊คให้นานขึ้น


หลายคนคงประสบปัญหากับพลังงานแบตเตอรี่ของโน๊ตบุ๊คอยู่ได้ไม่นานเวลานำออกไปใช้ข้างนอก วันนี้เรามี 10 วิธีประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ให้ใช้ได้นานขึ้น และทำให้คุณไม่หงุดหงิดเวลาแบตเตอรี่หมดเร็วอีกด้วย



1. ลดความสว่างหน้าจอลง

วิธีที่ง่ายและได้ผลมากที่สุด ก็คือ การลดความสว่างของหน้าจอโน๊ตบุ๊ค ซึ่งคุณสามารถทำได้ง่ายๆ โดยการกดปุ่มควบคุมความสว่างบนคีย์บอร์ด หรือตั้งค่าใน Control Panel อย่างเช่น หน้าจอโน๊ตบุ๊คจะสลัวลงเมื่อไม่ได้ใช้งานเป็นเวลา 2 นาที หรือหน้าจอดับไปเลย เมื่อไม่ได้ใช้งานเป็นเวลา 5 นาที เป็นต้น



2. งดการใช้ Background Slideshows บนหน้า Desktop

สำหรับระบบปฏิบัติการ Windows 7 นั้น จะมีลูกเล่นหลายๆ อย่างที่น่าสนใจให้เลือกใช้ หนึ่งในนั้นก็คือ ความสามารถในการ Rotate วอลเปเปอร์หน้า Desktop ซึ่งจะใช้พลังงานแบตเตอรี่ไปพอสมควร โดยคุณสามารถปรับเปลี่ยนได้โดยการเพิ่มระยะเวลาการเปลี่ยนวอลเปเปอร์ให้มากขึ้น จากปกติที่ตั้งค่าไว้ที่ 30 นาที ก็อาจจะเป็น 1 ชั่วโมงหรือ 2 ชั่วโมงแทน

3. ปิดระบบเชื่อมต่อ

ระบบเชื่อมต่อ ก็อย่างเช่น บลูทูธ, Wireless, Wi-Fi ถ้าไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ ก็ปิด เพราะคงไม่มีใครใช้ทั้ง Wireless และ Wi-Fi ในเวลาเดียวกัน หรือไม่ก็ส่งข้อมูลผ่านทางบลูทูธตลอดเวลา



4. งดการเปิดหลายๆ โปรแกรม

พยายามเปิดเฉพาะโปรแกรมที่จำเป็นต้องใช้เท่านั้น เพราะยิ่งเปิดโปรแกรมเยอะมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งใช้พลังงานแบตเตอรี่มากขึ้นเท่านั้น

5. งดการใช้แบ็คกราวน์แอพพลิเคชั่น

ปกติแล้ว เวลาเปิดแอพพลิเคชั่นขึ้นมา 1 ตัว มักจะมีแบ็คกราวน์แอพพลิเคชั่น run ตามมาอีกมากมาย ซึ่งจะทำให้พลังงานของแบตเตอรี่เหลือน้อยลง แบ็คกราวน์แอพพลิเคชั่น ได้แก่ ZumoDrive, SugarSync, PandoraOne, DropBox, OneNote Side Note

6. งดใช้การรับส่งอีเมลล์แบบอัตโนมัติใน Microsoft Outlook

โปรแกรม Microsoft Outlook จะตั้งค่าการอัพเดตข้อความใหม่ๆ ทุกๆ 30 นาที เมื่อใดก็ตามที่ Microsoft Outlook อัพเดต ก็จะใช้พลังงานของแบตเตอรี่ไปเช่นกัน การตั้งค่าให้ Microsoft Outlook อัพเดตช้าลงจะช่วยประหยัดพลังงานของแบตเตอรี่ได้



7. Defragment ฮาร์ดดิสก์บ้าง

การ Defragment คือการสแกนไฟล์ทั้งหมดและเชื่อมไฟล์ที่แยกกันอยู่ให้ติดต่อกัน ทำให้ฮาร์ดดิสก์ทำงานได้เร็วขึ้น ฉะนั้นควรตั้งตารางการ Defragment อย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง



8. นำแผ่นซีดี / ดีวีดี ออกจากไดร์ฟ

ทุกครั้งที่เราเปิดคอมพิวเตอร์ ถ้าหากมีแผ่นซีดี / ดีวีดี อยู่ในไดร์ฟ ก็จะหมุนอยู่ตลอดเวลา ซึ่งการหมุนของแผ่นซีดีนั้นจะเปลืองพลังงานแบตเตอรี่มาก ฉะนั้น อย่าลืมนำแผ่นซีดี / ดีวีดี ออกทุกครั้งที่ไม่ได้ใช้งาน

9. ใช้การ Hibernate แทน Sleep

บ่อยครั้งที่หลายคนปิดโน๊ตบุ๊คในโหมด Sleep เพราะต้องการคงโปรแกรมที่กำลังใช้งานอยู่ ซึ่งโหมด Sleep นั้นก็ยังใช้พลังงานแบตเตอรี่ ถึงแม้ว่าจะใช้น้อยก็ตาม สำหรับโหมด Hibernate นั้นจะคล้ายๆ กับโหมด Sleep แต่จะไม่ใช้พลังงานแบตเตอรี่ อีกทั้งตอนเปิดเครื่องก็ยังสามารถใช้โปรแกรมที่เปิดอยู่แล้วนั้นได้เลยทันที

10. ถอดแบตเตอรี่ออกถ้าไม่ได้ใช้

ถ้าหากคุณต้องเสียบปลั๊กโน๊ตบุ๊คทิ้งไว้เป็นอาทิตย์ ควรถอดแบตเตอรี่ออกและเก็บไว้ในที่แห้ง และอย่าพยายามปล่อยให้แบตเตอรี่หมดก่อนที่จะนำมาชาร์ต วิธีนี้จะเป็นการถนอมแบตเตอรี่ให้อยู่ได้นานๆ

แปลและเรียบเรียงโดย : NF Staffs

ที่มา : laptoplogic

กสทช. สั่งค่ายมือถือห้ามสัญญาณขัดข้องวันที่ 13 ม.ค.นี้


กสทช. สั่งค่ายมือถือห้ามสัญญาณขัดข้องวันที่ 13 ม.ค.นี้

นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า ตามที่มีข่าวว่าวันที่ 13 มกราคมที่จะถึงนี้ จะมีการชุมนุมทางการเมืองโดยมีการปิดการจราจรเข้าออกกรุงเทพมหานคร การสัญจรเดินทางอาจไม่ได้รับความสะดวก การติดต่อสื่อสารผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่จึงมีความสำคัญมาก สำนักงาน กสทช. จึงได้สั่งการไปยังผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกรายให้เพิ่มสัญญาณในพื้นที่ที่มีการประกาศแจ้งว่าจะมีการชุมนุมและเขตกรุงเทพมหานคร และให้เตรียมรถโมบายเคลื่อนที่เพื่อเตรียมเพิ่มช่องสัญญาณ ตั้งแต่วันที่ 10 มกราคมไปจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย เพื่อรองรับการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้งการโทรและการใช้งานดาต้าที่เพิ่มสูงขึ้น พร้อมกันนี้สำนักงาน กสทช. จะได้ส่งรถตรวจสอบคุณภาพสัญญาบริการออกวิ่งทำการตรวจสอบคุณภาพสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่อย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการชุมนุม และเขตกรุงเทพมหานครเพื่อสร้างความมั่นใจในคุณภาพบริการ หากพื้นที่ใดมีความขัดข้องของสัญญาณก็จะสามารถแจ้งผู้ประกอบการให้ดำเนินการแก้ไขได้โดยทันท่วงที เพื่อให้ประชาชนสามารถติดต่อสื่อสารกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะการที่มีประชาชนใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่พร้อมกันเป็นจำนวนมากจะส่งผลต่อคุณภาพสัญญาณ การตรวจสอบคุณภาพสัญญาณจึงเป็นมาตรการหนึ่งในการคุ้มครองผู้ใช้บริการให้ได้รับบริการที่มีประสิทธิภาพจากผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่



ภาพประกอบข่าว


นายฐากร กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังได้แจ้งไปยังบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ให้รีบแจ้งสำนักงานทันทีหากเกิดกรณีมีผู้ดำเนินการส่งคลื่นรบกวนช่องสัญญาณดาวเทียมไทยคม อันจะส่งผลต่อการแพร่ภาพเพื่อให้บริการออกอากาศและแพร่ภาพแก่โทรทัศน์ผ่านดาวเทียม เพื่อสำนักงาน กสทช. จะได้รีบดำเนินการตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำการรบกวน ทั้งนี้ หากเกิดเหตุสุดวิสัยที่ทำให้ประชาชนไม่สามารถติดต่อสื่อสารผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้ สำนักงาน กสทช. ยังได้สั่งการศูนย์สายลมให้แจ้งขอความร่วมมือไปยังสมาคม และเครือข่ายวิทยุสมัครเล่นให้เตรียมความพร้อมเพื่ออำนวยคามสะดวกให้กับประชาชนในการติดต่อสื่อสารกันได้

กสทช.เผยมือถือ-แท็บเล็ตรุ่นยอดนิยมในประเทศไทยประจำปี 2556


จากสถิติของสำนักงาน กสทช. พบว่าตั้งแต่ปี 52 ถึงปัจจุบัน ประเทศไทยมีการนำเข้าโทรศัพท์เคลื่อนที่และแท็บเล็ตรวม 3,880 รุ่น รวม 92,729,417 เครื่อง คิดเป็นมูลค่ากว่า 6.5 แสนล้านบาท โดยในปี 55 มีการนำเข้ามากที่สุด จำนวน 660 รุ่น23,053,090 เครื่อง รองลงมาคือปี 54 นำเข้า 666 รุ่นเป็นจำนวน 22,786,286 เครื่อง ตามด้วยปี 53 นำเข้า 965 รุ่น เป็นจำนวน 19,991,952 เครื่อง ปี 52 นำเข้า 1,476 รุ่น เป็นจำนวน 16,230,612 เครื่อง และปี 56 นำเข้า113 รุ่น เป็นจำนวน 10,667,477 เครื่อง



กสทช. เผยในปี 2556 มีมือถือ-แท็บเล็ตนำเข้าประเทศไทย 113 รุ่น เป็นจำนวน 10,667,477 เครื่อง สำหรับรุ่นยอดนิยมนั้นมีดังต่อไปนี้

Apple

iPhone 5s
iPhone 5c
iPadAir
iPad mini
Samsung

Galaxy S4
Galaxy Grand 2
Galaxy Note 3
Galaxy Core
Nokia

Lumia 520
Lumia 625
Lumia 1520
Lumia 2520
i-mobile

i-mobile Hitz 10-17
i-mobile i-Note 3
i-mobile IQ 9
สำหรับรุ่นนิยมในปี 2552 ถึงปี 2555 มีดังต่อไปนี้

ปี 2552 ได้แก่ iPhone 3G, Samsung Spica i5700, Samsung Candy, Samsung Star, Nokia N97 mini, Nokia 5230, Nokia 5530, Nokia XpressMusic, i-mobile IE3250, i-mobile IE5510, i-mobile IE6530
ปี 2553 ได้แก่ iPhone 4, iPad, Samsung Galaxy Tab, Samsung Galaxy S, Galaxy Nexus, Samsung Galaxy Wave, Samsung C3
ปี 2554 ได้แก่ iPhone 4s, iPad 2, Samsung Galaxy Y, Samsung Galaxy S2,Samsung Galaxy Note 2, Samsung Galaxy Tab, Nokia N9, Nokia Lumia 800, Nokia Asha,Nokia 500, i-mobile i-Note, i-mobile CM
ปี 2555 iPhone 5, iPad 4, iPad Mini,Samsung Galaxy S Duos, Samsung Galaxy S3, Samsung Galaxy S3 mini, SamsungGalaxy Grand, Samsung Galaxy Ace, Nokia Lumia, i-mobile idea 1
ที่มา - dailynews

สนับสนุนเนื้อหา: www.flashfly.net

อยากรู้ไหม? ผู้ใช้ iPhone 5S บ่นเรื่องอะไร


เว็บไซต์ Fixya ได้ทำผลการสำรวจ ผู้ใช้สมาร์ทโฟนในสหรัฐฯ 4 รุ่นหลัก ได้แก่ Samsung Galaxy S4, iPhone 5S, Motorola Moto X และ HTC One เกี่ยวกับปัญหาด้านการใช้งานต่างๆ ที่ผู้ใช้ต้องพบเจอมากที่สุด



สรุปได้ดังนี้ครับ



ผู้ใช้ Samsung Galaxy S4 กว่า 25% บ่นถึงปัญหาเรื่องตัวเครื่องร้อน ขณะเล่นเกม และเปิดเว็บไซต์ในเวลาเดียวกัน ส่วนปัญหาอื่นๆ ก็อย่างเช่น แบตเตอรี่หมดเร็วเกินไป ต้องใช้เวลาชาร์จบ่อย, การแสดงผลของหน้าจอ สลัวกว่ามือถือที่ใช้กระจกหน้าจอแบบ Glass ซึ่งมีผลต่อการอ่านข้อความบนมือถือ เป็นต้น



ถัดมาเป็น Motorola Moto X ครับ โดยผู้ใช้ 30% ไม่ชอบเรื่องความจุในตัวเครื่องที่มีให้น้อยเกินไป จริงอยู่ที่คุณสมบัติของ Motorola Moto X ความจุของตัวเครื่องอยู่ที่ 16 GB แต่เหลือพื้นที่ใช้งานจริงแค่ 12 GB นอกจากนี้ Moto X ยังไม่รองรับ microSD card ส่วนอีก 20% ไม่ชอบเรื่องความละเอียดของหน้าจอ ที่ให้มาเพียง 720 x 1280 พิกเซลเท่านั้น



มาถึงสมาร์ทโฟนเรือธงอย่าง iPhone 5S กันบ้างครับ โดยผู้ใช้ 25% กั่งวลเรื่องความปลอดภัยของ Touch ID ระบบสแกนลายนิ้วมือ ส่วนอีก 25% ไม่ชอบเรื่องแบตฯ ไม่อึด และอีก 15% บ่นเรื่องแอพฯ ค้างบ่อย



สุดท้าย เป็น HTC One กันบ้าง โดยผู้ใช้กว่า 30% บ่นเรื่องแบตเตอรี่ครับ ทั้งแบตเตอรี่ไม่อึด ชาร์จช้า และเปลี่ยนเป็นแบตเตอรี่สำรองไม่ได้ ส่วนอีก 20% บ่นเรื่องปัญหาด้านการใช้งานต่างๆ เช่น มีเสียงซ่าขณะใช้งานโทรศัพท์ หรือฟังเพลง และอีก 20% ไม่ชอบเรื่องกล้อง UltraPixel ครับ

 รายละเอียดเพิ่มเติม : phonearena.com

สนับสนุนเนื้อหา: www.techmoblog.com

Canon, Nikon และ Sony ที่อยู่รอดจากการตีตลาดของสมาร์ทโฟน


นักวิเคราะห์คาด ตลาดกล้องจะเหลือ Canon, Nikon และ Sony ที่อยู่รอดจากการตีตลาดของสมาร์ทโฟน

จากรายงานของ Reuters กล่าวไว้ว่า ตลาดกล้องนั้นเป็นตลาดที่นอกจากจะแข่งกันดุเดือดแล้ว ยังโดนตีตลาดจากตลาดสมาร์ทโฟนระดับบนที่ถ่ายรูปได้ดีมากอีก โดยตอนนี้ถ้าแบ่งตลาดกล้องจะแบ่งได้เป็น 2 ส่วนคือ



กล้องระดับสูง มี Canon, Nikon และ Sony ที่ครองตลาด
กล้องระดับล่าง มีสมาร์ทโฟนทั้งหลายครองตลาด
ส่วนตลาดระดับกลางนั้น "ไม่มี"

จากรายงานกล่าวว่า Panasonic, Fujifilm และ Olympus นั้นสูญเสียรายได้จากการขายกล้องไปเยอะมาก สำหรับกล้อง mirrorless ยังพอจะทรงตัวได้อยู่ แต่กล้อง compact เริ่มเลือนหายไป

Yu Yoshida นักวิเคราะห์จาก Credit Suisse กล่าวว่า ในระยะยาว ตลาดกล้องดิจิทัลจะกลายเป็นตลาดที่มีผู้ขายเพียง 2-3 ราย คือ Canon, Nikon และ Sony ที่อยู่รอด เพราะมีแบรนด์ที่แข็งแกร่งและต่อสู้กับสงครามราคาได้

ตัวเลขบางส่วนของตลาดกล้อง

ตลาดกล้องทั่วโลกในปีนี้ มียอดขาย 59 ล้านหน่วยตกลง 40%
กล้อง Panasonic ยอดขายตกลง 40% ในช่วงเวลาแค่เดือนเมษายน - กันยายน ปี 2013
กล้อง mirrorless ยังพอไปได้ดีในตลาดญี่ปุ่น ที่มีส่วนแบ่งถึง 36% ของกล้องแบบเปลี่ยนเลนส์ได้ แต่ในตลาดอเมริกาและยุโรปกลับมีส่วนแบ่งเพียง 10.5% และ 11.2% ตามลำดับ (คงเป็นเหตุผลที่ Canon เลือกเปิดตัว EOS M2 ที่ญี่ปุ่นก่อน - ข่าวเก่า)
กล้อง mirrorless ในอเมริกามียอดขายตกลง 20% ในช่วงเทศกาลซื้อของวันหยุด ขณะที่ DSLR เพิ่มขึ้น 1%
Nikon ยอมรับ สมาร์ทโฟนกระทบยอดขายกล้องคอมแพค - ข่าวเก่า
นักวิเคราะห์ยังกล่าวว่า Canon และ Nikon จะยังอยู่บนตลาดกล้องระดับสูง ซึ่งกล้องยุคใหม่นอกจากจะได้ภาพที่มีคุณภาพดีแล้วยังต้องมีความสามารถในการ เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเพื่อแบ่งปันรูปด้วย

ที่มา - Chicago Tribune Business ผ่าน Petapixel

วันพุธที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2556

เทียบขนาดหน้าจอ iPhone 6 กับ iPhone 5 และ iPhone 4s

ข่าวลือของหน้าจอ iPhone 6 หรือ iPhone รุ่นใหม่ที่คาดว่าจะเปิดตัวในปี 2014 นั้น เริ่มออกมาให้เห็นกันอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นข่าวคราวของการวิเคราะห์จากนักวิเคราะห์ชื่อดังอย่าง Peter Misek จาก Jeffries ที่ออกมาให้ข้อมูลว่า iPhone ที่จะเปิดตัวในปี 2014 นั้นจะมีหน้าจอขนาด 4.8 นิ้ว ในขณะที่ทางสำนักข่าวใหญ่ๆอย่าง Wall Street Journal ก็ออกมาให้ข้อมูลว่า Apple กำลังทดสอบหน้าขนาด 4.8 – 6 นิ้วอยู่ ซึ่งอาจมีความเป็นไปได้ทีในปี 2014 นี้เราจะได้เห็น iPhone ในหน้าจอที่หลากหลายขนาดมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามจากข้อมูลข่าวลือเหล่านี้จึงได้มีการลองวิเคราะห์ออกมาเป็นรูปภาพเพื่อให้เห็นความแตกต่างว่า หาก iPhone ในปี 2014 นั้นมีขนาดหน้าจอใหญ่ที่ประมาณ 5.7 นิ้วแล้วละก็ จะมีขนาดใหญ่แค่ไหน เมื่อเทียบกับขนาดหน้าจอของ iPhone 5 และ iPhone 4s ลองมาดูภาพกันเลย แต่ท้ายที่สุดแล้วข้อมูลข่าวลือเหล่านี้จะเป็นความจริงมากน้อยเพียงใด คงต้องมาติดตามกันต่อไป