วันอังคารที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2555

OPPO Finder สัมผัสความบางเพียง 6.65 มม. พร้อมสเปคและการใช้งานที่คุ้มค่า


สำหรับ OPPO นั้น นับว่าเป็นแบรนด์ที่น่าจับตามองในประเทศไทย หลังผันตัวมาสู่ตลาดสมาร์ทโฟนอย่างเต็มตัว ซึ่งแต่ละรุ่นถือว่า น่าสนใจมากเลยทีเดียวครับ ทั้งในเรื่องของราคา กับความคุ้มค่าของสเปคที่ได้ ซึ่งก่อนหน้านั้น เว็บไซต์ techmoblog ได้ทำการรีวิว OPPO Find Gemini Plus สมาร์ทโฟน 2 ซิมกันไปแล้ว คราวนี้เป็นคิวของสมาร์ทโฟนอีก 1 รุ่นจากค่ายเดียวกัน นั่นก็คือ OPPO Finder นั่นเองครับ
สำหรับจุดเด่นของ OPPO Finder นั้น ไม่ใช่เป็นเพียงแค่สมาร์ทโฟนตัวแรงระดับ Dual-core processor เท่านั้น แต่ยังมาพร้อมกับความบางเฉียบเพียง 6.65 มิลลิเมตร และวัสดุการประกอบค่อนข้างดีเลยทีเดียว โดยดีไซน์ของ OPPO Finder นั้น คล้ายกับ OPPO Find 3 ครับ แต่จุดขายคือ บางกว่า และหน้าจอขนาดใหญ่กว่า ลองมาดูสเปค OPPO Finder กันก่อนครับ
สเปค OPPO Finder เป็นดังนี้
- หน้าจอขนาด 4.3 นิ้ว แบบ Super AMOLED Capacitive Touchscreen ความละเอียด 800 x 480 พิกเซล
- กระจกหน้าจอแบบ Gorilla Glass ป้องกันแรงกระแทก และรอยขีดข่วน
- ซีพียูแบบ Dual-Core Snapdragon S3 Processor (ชิปเซ็ต Qualcomm MSM8260) ความเร็ว 1.5GHz
- RAM ขนาด 1GB
- หน่วยความจำภายในตัวเครื่องขนาด 16GB ไม่สามารถเพิ่มได้
- กล้องด้านหน้า ความละเอียด 1.3 ล้านพิกเซล
- กล้องด้านหลัง ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชแบบ Dual-LED และระบบออโต้โฟกัส
- ใช้ซิมการ์ดแบบ microSIM card
- ระบบปฏิบัติการ Android 4.0.3 Ice Cream Sandwich
- แบตเตอรี่ขนาด 1500 mAh
OPPO Finder : การออกแบบ
OPPO Finder มาพร้อมหน้าจอขนาด 4.3 นิ้ว แบบ Super AMOLED ความละเอียด 800 x 480 พิกเซล โดยกระจกหน้าจอนั้นเป็นแบบ Gorilla Glass ป้องกันรอยขีดข่วนครับ
ด้านหลังตัวเครื่องเป็นโลหะผิวเรียบครับ ดูแข็งแรงมากทีเดียว ซึ่งเครื่องใหม่แกะกล่อง จะมีสติ๊กเกอร์แปะเพื่อบอกการใส่ microSIM card ตามรูปครับ โดย OPPO Finder รุ่นสีขาว จะเป็นสติ๊กเกอร์สีขาว ส่วนสีดำ ก็จะเป็นสติ๊กเกอร์สีดำครับ
ด้านบนของจอแสดงผล ประกอบด้วยกล้องด้านหน้า ความละเอียด 1.3 ล้านพิกเซล, เซนเซอร์ และลำโพงสำหรับสนทนา ที่ให้เสียงที่ชัดเจนดีครับ
ด้านล่างของจอแสดงผล เป็นปุ่มควบคุมแบบสัมผัส 3 ปุ่มด้วยกัน นั่นก็คือ ปุ่มเมนู, ปุ่ม Home และปุ่ม Back ซึ่งทั้ง 3 ปุ่มนี้ จะมีไฟขณะสัมผัสด้วย
ขอบตัวเครื่องรอบตัวเครื่อง เป็นโลหะครับ โดยด้านบนนั้น เป็นช่องสำหรับพอร์ต microUSB มีฝาปิด และปุ่มเปิด-ปิด-ล็อคเครื่อง ซึ่งช่อง microUSB นี้ จะเป็นช่องสำหรับหูฟังด้วยครับ โดยหูฟังของ OPPO Finder นั้น จะเป็นแบบ microUSB ฉะนั้น หูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร ไม่สามารถใช้กับรุ่นนี้ได้นะครับ
ส่วนด้านท้ายเครื่อง เป็นช่องไมโครโฟนครับ
ด้านซ้ายของตัวเครื่อง จะเป็นช่องใส่ microSIM card ซึ่งจะมีฝาปิดมาให้ด้วย โดยจะมีรูปวิธีการใส่ซิมการ์ดให้ถูกต้องอยู่ที่ด้านข้างตัวเครื่องครับ
ส่วนด้านขวาของตัวเครื่อง เป็นปุ่มปรับเสียง
ส่วนด้านหลังของตัวเครื่อง ประกอบด้วยกล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลชแบบ Dual-LED ครับ ส่วนตรงกลางเป็นไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับตัดเสียงรบกวนรอบข้าง ซึ่งด้านหลังตัวเครื่องนั้นเป็นโลหะ และไม่สามารถถอดฝาหลังได้ จึงไม่สามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ด้วยนั่นเอง โดยแบตเตอรี่มีความจุอยู่ที่ 1500 mAh ถ้าหากใช้งานทั่วไปก็สามารถใช้งานได้ทั้งวันครับ
OPPO Finder : ฟีเจอร์การใช้งาน
สำหรับ OPPO Finder นั้น มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 4.0.3 Ice Cream Sandwich แต่ใช้อินเทอร์เฟสของ OPPO UI ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ OPPO ครับ โดยหน้า Lockscreen นั้น สามารถเลือกเอฟเฟกซ์ได้ 2 แบบคือ แบบพลิกหมุน (ตามภาพแรก) และแบบสไลด์ คล้ายๆ กับการปลดล็อคบน iPhone ครับ
ส่วนในหน้า Homescreen นั้น สามารถเพิ่มได้สูงสุด 9 หน้าครับ
App drawer หน้ารวมแอพพลิเคชั่น ซึ่งสามารถค้นหาแอพพลิเคชั่นที่ต้องการด้วยการกดปุ่มเมนู ส่วนการลากแอพพลิเคชั่นจาก App drawer ไปยังหน้า Homescreen ให้กดที่แอพพลิเคชั่นที่ต้องการค้างไว้ แล้วลากไปที่แท็บด้านล่าง ก่อนจะโยกย้ายไปยังตำแหน่งที่ต้องการครับ
มาดูกันที่ลูกเล่นของธีมบน OPPO Finder กันบ้างครับ ซึ่งลูกเล่นนี้ คล้ายกับลูกเล่นบน OPPO Find Gemini Plus ที่เพิ่งรีวิวไปเมื่อไม่นานมานี้ โดยสามารถเลือกธีมได้ตามใจชอบ ตั้งค่าเอฟเฟ็คขณะสไลด์ รวมไปถึงเอฟเฟ็คของหน้า Lockscreen ได้ด้วยครับ
เปิดดู Notification area ได้ด้วยการลากจากด้านบนจอเหมือนเช่นเคยครับ โดยในส่วนนี้ นอกจากจะเป็นพื้นที่สำหรับการแจ้งเตือนแล้ว ยังเป็นคีย์ลัดสำหรับการเปิด-ปิดฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆ ซึ่งสามารถปรับแต่งค่าเองได้ด้วยครับ
เมื่อค้างกดที่ปุ่มเปิดเครื่อง จะพบกับเมนูของตัวเลือกโทรศัพท์ 4 เมนูด้วยกัน นั่นก็คือ ปิดเครื่อง, รีสตาร์ทเครื่อง, โหมดปิดเสียง และโหมดการใช้งานเครื่องบิน (Airplane mode)
สำหรับการตั้งค่าการใช้งานโทรศัพท์นั้น บน OPPO Finder และ OPPO รุ่นอื่นๆ ถือว่า มีขั้นตอนการใช้งานที่ง่าย และแบ่งเป็นหมวดหมู่ได้อย่างชัดเจน นั่นก็คือ การตั้งค่าทั่วไป การตั้งค่าเสียง การตั้งค่าจอแสดงผล และการตั้งค่าความปลอดภัยครับ
Quickoffice โปรแกรมจัดการไฟล์เอกสารทั้ง Word, Excel, PowerPoint และ PDF ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นแบบ Pre-installed มาให้ในตัวเครื่อง หมดห่วงเรื่องไฟล์เอกสารครับ
สำหรับเบราเซอร์บน OPPO Finder นั้น ถือว่าเป็นเบราเซอร์แบบแอนดรอยด์โฟนทั่วๆ ไป โดยสามารถเปิดหน้าต่างได้สูงสุด 8 หน้า รองรับแฟลช ส่วนการรองรับ Pinch-to-zoom ถือว่า ลื่นไหล และใช้งานได้ดีครับ
NearMe Note แอพพลิเคชั่นสำหรับจดโน้ต ที่ไม่ได้รองรับแค่การขีดๆ เขียนๆ เท่านั้น แต่สามารถเพิ่มภาพถ่ายจากคลังภาพ หรือถ่ายใหม่ พร้อมกับลายมือเขียน และรูปวาดครับ ซึ่งอินเทอร์เฟสใช้ง่ายมากทีเดียว
คลังภาพ (Gallery) มีอินเทอร์เฟสที่ไม่ซับซ้อน มีการแบ่งโฟลเดอร์อย่างชัดเจน ทั้งจากภาพถ่ายจากกล้อง และภาพ screenshot ส่วนลูกเล่นของคลังภาพ คล้ายกับแอนดรอยด์โฟนทั่วๆ ไป นอกจากนี้ ยังเข้าสู่โหมดการถ่ายภาพได้ทันทีจากหน้านี้อีกด้วย
มาทดสอบ Benchmark บน OPPO Finder กันดูครับ โดยคะแนนจาก Quadrant อยู่ที่ 3239 คะแนน ซึ่งดีกว่า Samsung Galaxy Nexus และ LG Optimus 2X เสียอีกครับ ส่วน AnTuTu นั้น อยู่ที่ 6784 คะแนน และรองรับระบบมัลติทัชสูงสุด 10 จุดครับ
จุดเด่นของ OPPO ตั้งแต่สมัยฟีเจอร์โฟน ก็คือ กล้อง LOMO นั่นเองครับ โดยมีฟีเจอร์การถ่ายภาพที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ถ่ายรูปกลุ่ม, ใส่ Fisheye, ทำภาพบิดเบี้ยว หรือปรับสีสันของภาพถ่ายเป็นต้นครับ
ส่วนโหมดการใช้งานกล้องถ่ายรูปแบบปกตินั้น อินเทอร์จะคล้ายกับ OPPO Find Gemini Plus ครับ แต่สิ่งที่ต่างไปก็คือ กล้องบน OPPO Finder นั้น จะไม่มี Beauty mode มาให้ เหลือแค่เพียงโหมด HDR และไม่สามารถถ่ายภาพแบบพาโนรามาได้ครับ
มาดูตัวอย่างภาพจากกล้องบน OPPO Finder ครับ (คลิ๊กที่ภาพเพื่อชมภาพขนาดจริง ที่ไม่ผ่านการตกแต่งใดๆ)
OPPO Finder : บทสรุปการใช้งาน
ก่อนที่ปิดท้ายกับบทสรุปการใช้งาน OPPO Finder มาดูกันในเรื่องของข้อดี และข้อเสียของ OPPO Finder กันก่อนครับ ซึ่งจากการทดสอบใช้งาน พบความประทับใจ และไม่ประทับใจในหลายๆ ด้าน จึงขอสรุปเป็นข้อดี ข้อเสีียตามความเห็นส่วนตัว ดังนี้ครับ
ข้อดีของ OPPO Finder
1) หน้าจอแบบ Super AMOLED Plus ให้สีสันที่คมชัด และสดใส
2) ซีพียูระดับ Dual-core processor ความเร็ว 1.5GHz ทำให้การใช้งานลื่นไหลอย่างมาก แต่ไม่มีอาการกระตุก หรืออาการหน่วงขณะใช้งานครับ
3) ดีไซน์การออกแบบนั้น ค่อนข้างดีครับ ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดสมาร์ทโฟนได้เป็นอย่างดี ใช้ความบางของตัวเครื่องเป็นจุดขาย อีกทั้ง วัสดุที่ใช้ประกอบตัวเครื่องยังแข็งแรง และทนทานอีกด้วยคัรบ
4) กล้องดิจิตอลด้านหลัง ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลช ให้ภาพที่คมชัด ตอบสนองทุกการถ่ายภาพ
5) รองรับเครือข่าย 3G ในประเทศไทยทุกเครือข่าย
6) OPPO Ui อินเทอร์เฟสถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่าย และไม่มีความหน่วงครับ สามารถเลือกเปลี่ยนธีมได้ตามใจชอบ
ข้อเสียของ OPPO Finder
1) ไม่รองรับหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร อีกทั้งใช้ microUSB port ช่องเดียวทั้งการชาร์ตแบตเตอรี่ เสียบหูฟัง และถ่ายโอนข้อมูล ซึ่งจะต้องเลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่งครับ
2) เลนส์กล้องด้านหลังที่นูนออกมา อาจทำให้เกิดรอยขีดข่วนได้ง่าย
3) ไม่สามารถถอดเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้
4) เพิ่ม microSD card ไม่ได้
สำหรับ OPPO Finder นั้น เรียกได้ว่า มีจุดขายที่ชัดเจนในเรื่องของความบางที่สุดในโลก (ณ ตอนนี้) กับการออกแบบในรูปทรงที่ตรงกับความต้องการของตลาดครับ หน้าจอขนาดไม่เล็ก และไม่เล็กจนเกินไป พอดีกับการใช้งาน อีกทั้ง วัสดุยังถือว่า แข็งแรงทนทาน รวมไปถึงสเปคที่ตอบสนองทุกความต้องการครับ ซึ่งค่าตัวของ OPPO Finder นั้น อยู่ที่ประมาณ 14,000 บาทถือว่า สมราคาครับ อาจจะเรียกว่า คุ้มค่าด้วยซ้ำไป เมื่อเทียบกับสเปคที่ได้ครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น